เรียนต่อนอกที่ อังกฤษ

เรียนต่ออังกฤษอังกฤษมีสถานศึกษาที่ติดอันดับโลกพร้อมหลักสูตรที่หลากหลายและยืดหยุ่นได้
ระบบการศึกษาของอังกฤษใช้เรียนเวลาสั้นกว่าและเข้มข้นกว่า (include link to Education system page) ประเทศอื่นๆ ดังนั้น คุณสามารถจบการศึกษาเร็วขึ้นโดยไม่ต้องกังวลว่าคุณภาพจะด้อยไปกว่ากัน ซึ่งทำให้คุณประหยัดเวลาและเงินสำหรับค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ มหาวิทยาลัยต่างๆ มีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่ารักษามาตรฐานสูงสุดในการสอน การเรียนรู้ และการวิจัย นอกจากนี้ ยังพยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ดูแลใส่ใจ และให้การสนับสนุนนักเรียนต่างชาติทุกคน มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยในอังกฤษมีการประเมินคุณภาพโดย Quality Assurance Agency (QAA)มาตรฐานการวิจัยมีการพิจารณาโดยคณะกรรมการจัดหาทุนสนับสนุนการศึกษาชั้นสูงของอังกฤษซึ่งจะมีการประกาศทุกๆ ห้าปี อังกฤษมีจำนวนมหาวิทยาลัยที่ติด 100 อันดับแรกมากเป็นที่สองตาม Times Higher Education World Reputation Rankings ปี 2013/2014

ระบบการศึกษาของสหราชอาณาจักร

ระบบการศึกษาของสหราชอาณาจักรในระดับปริญญา แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ หลักสูตรปริญญาตรี และ หลักสูตรที่สูงกว่าปริญญาตรี ประกอบด้วย Taught course และ Research

 

สถาบันอุดมศึกษา (Higher Education Institution, HEI) ในสหราชอาณาจักร

  1. มหาวิทยาลัย หรือ
  2. สถาบันที่ดำเนินการโดยองค์กรการศึกษาขั้นสูง หรือ
  3. สถาบันที่ได้รับมอบหมายให้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนที่บริหารโดยสภากองทุนอุดมศึกษาแห่งประเทศอังกฤษ (Higher Education Funding Council for England, HEFCE)

โดยปัจจุบันมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร ทั้ง อังกฤษ, สก็อตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ มีมากกว่า 100 สถาบัน และเปิดสอนหลากหลายสาขาวิชาที่ครอบคลุมความต้องการของสังคมโลก คุณสามารถมั่นใจได้ว่า สหราชอาณาจักรจะมีคอร์สเรียนที่คุณต้องการอย่างแน่นอน

หลักสูตร

  • ปริญญาตรี

หลักสูตร 3 ปี เปิดสอนทั้งสาขาศิลปศาสตร์ (BA), สาขาวิทยาศาสตร์ (BSc), สาขาวิศวกรรมศาสตร์ (BEng), หรือสาขานิติศาสตร์ (LLB) ในบางสาขาอนุญาตให้นักศึกษาทำงานไปด้วยในระหว่างศึกษาเพื่อเป็นประสบการณ์ที่สามารถนำไปใช้ได้ในอนาคต

*สำหรับประเทศสก็อตแลนด์ หลักสูตร 4 ปี

  • หลักสูตรที่สูงกว่าปริญญาตรี

แบ่งเป็น 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรแบบมีการเรียนการสอน (Taught course) และการทำวิจัย (Research)

  • Taught course คือคอร์สเรียนแบบที่ผู้เรียนต้องเข้าชั้นเรียน แบ่งออกเป็น
  1. ปริญญาโท (MA, MSc, LLM) หลักสูตร 1 ปี ซึ่งจะมีการเรียนการสอนในชั้นเรียน และการเขียนวิทยานิพนธ์ (Dissertation)
  2. อนุปริญญา / ประกาศนียบัตรระดับสูง (PGDip / PGCert) โดยปกติแล้วรายวิชาที่เรียนจะเหมือนกับการเรียนในระดับปริญญาโท เว้นแต่ไม่มีการเขียนวิทยานิพนธ์
  • Research คือการทำวิจัย

ปริญญาเอก หลักสูตร 3 ปี คือ ระยะเวลาในการศึกษาอย่างน้อย 3 ปี โดยใน 2 ปีแรก จะเป็นการค้นคว้าและวางแผนการทำวิทยานิพนธ์ ส่วนในปีที่ 3 ก็จะเป็นการเขียนวิทยานิพนธ์ ตามเกณฑ์ทั่วไปนั้น การเขียนวิทยานิพนธ์จะใช้ประมาณ 80,000-90,000 คำ

โดยผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้

ได้รับเกียรตินิยม อันดับ 1 หรือ 2 จากการเรียนปริญญาตรี

  • ได้รับเกียรตินิยม อันดับ 1 หรือ 2 จากการเรียนปริญญาโท และหลักสูตรจะต้องมีความเกี่ยวเนื่องกับหัวข้องานวิจัย

ระบบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาของสหราชอาณาจักร

ระบบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาของสหราชอาณาจักร จะใช้ชื่อโปรแกรมว่า GCSE ต่อด้วยคอร์ส A-Levels และสำหรับนักเรียนต่างชาติ สามารถเข้าเรียนหลักสูตร Pathway Programme เพื่อปรับพื้นฐาน ก่อนเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย

ข้อมูลทั่วไประบบการศึกษาระดับเทียบเท่าชั้นมัธยมศึกษาที่สหราชอาณาจักร จะใช้ชื่อโปรแกรมว่า GCSE และต่อด้วยคอร์ส A-Levels

  • GCSE

สำหรับระบบ GCSE หรือ General Certificate of Secondary Education เป็นภาคบังคับเรียนสำหรับเด็กนักเรียนในสหราชอาณาจักร โดยจะมีวิชาบังคับ 3 วิชาคือ ภาษาอังกฤษ, คณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ และ 4 – 5 วิชาเลือกเสรี ยกตัวอย่างเช่น ภาษาต่างประเทศ, ธุรกิจ, เทคโนโลยี, หรือดนตรี เป็นต้น

  • A-Levels

หลังจากนั้น หากผู้เรียนต้องการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย หรือ Higher Education หรือ Degree programme ได้จะต้องผ่านหลักสูตร A-Levels

A-Levels หลักสูตร 2 ปี ซึ่งผู้เรียนต้องเลือกเรียนในรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับคอร์สเรียนในมหาวิทยาลัยที่ตนต้องการสมัคร

A-Levels สามารถแบ่งออกเป็น AS-Level และ A-Levels ซึ่งในปีแรกนักเรียนสามารถเลือกเรียนได้มากถึง 5 วิชาที่ AS-Level และอย่างน้อย 3 วิชาในปีที่สองสำหรับ A-Levels

  • Pathway Programme

สำหรับนักเรียนต่างชาติ รวมถึงนักเรียนที่เรียนโรงเรียนไทย สามารถเข้าเรียนหลักสูตร pathway เพื่อปรับพื้นฐานก่อนเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร โดยหลักสูตรจะแบ่งออกตามสาขาวิชาที่ต้องการเรียนต่อ เช่น Business, Engineering, Law เป็นต้น

วิธีการสมัครเรียนกับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร

ผู้ที่สนใจเรียนต่อสหราชจักรสามารถสมัครเรียนผ่านทาง Hands On Education Consultants ตัวแทนกว่า 100 มหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย โดยการบริการทั้ง ปรึกษาคอร์สเรียนและเลือกมหาวิทยาลัย, ส่งใบสมัคร, ติดตามสถานะ ตลอดจนเตรียมเอกสารยื่นวีซ่า ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

 

เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครเรียน

  • Bachelor degree วุฒิบัตรและหลักฐานการศึกษา
  • Transcript ใบรายงานผลการศึกษา
  • English Language Requirements หลักฐานคุณสมบัติความรู้ด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งโดยปกติมหาวิทยาลัยจะใช้คะแนนทดสอบจาก IELTS Academic
  • Recommendation Letters จดหมายรับรอง / อ้างอิง 2 ฉบับ โดยอย่างน้อยหนึ่งฉบับต้องมาจากอาจารย์ที่ปรึกษาของคุณ (มหาวิทยาลัยบางแห่งมีแบบฟอร์มให้กรอกโดยเฉพาะ)
  • Statement of Purpose เรียงความแนะนำตัวเองและอธิบายวัตถุประสงค์การเลือกเรียนหลักสูตรนี้
  • CV ประวัติส่วนตัวโดยย่อ ที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับประสบการณ์ในการทำงานหรือข้อมูลอื่นๆ ที่ต้องการบอกเกี่ยวกับตัวคุณ
  • Scholarship Document กรณีที่คุณได้รับทุนการศึกษา เป็นการดีที่จะแนบสำเนาจดหมายยืนยันการได้รับทุนการศึกษานี้ด้วย

เอกสารทั้งหมดนี้ควรจัดเตรียมเป็นภาษาอังกฤษ และหากไม่สามารถส่งต้นฉบับไปได้ ต้องทำสำเนาและมีการรับรองอย่างถูกต้อง

การส่งเอกสารยื่นขอวีซ่านักเรียน

น้องๆ ที่สมัครเรียนผ่าน Hands On Education Consultants ทางเราจะมีบริการช่วยเหลือ เรื่องเอกสารการสมัครวีซ่านักเรียนอังกฤษ รวมถึงขั้นตอนในการดำเนินการต่างๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

สำหรับการไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ในสหราชอาณาจักรต้องขอวีซ่าประเภทเดียวกัน คือ Tier 4 (General) Student Visa

 

เอกสารที่จำเป็นต้องเตรียมในการยื่นวีซ่าประเภท Tier 4 (General) Student Visa ประกอบด้วย

  1. Passport (เล่มปัจจุบัน)
  2. Visa Application Form (พิมพ์ออกมาหลังจากกรอกข้อมูลออนไลน์เรียบร้อยแล้ว)
  3. IOM Certificate (เอกสารการตรวจปอด)
  4. ATAS Certificate (ถ้าคอร์สที่เรียนต้องการ)

ขั้นตอนในการยื่นใบสมัครเริ่มจากการเข้าไปกรอกใบสมัครออนไลน์ จ่ายเงิน และทำการนัดคิวยื่นเอกสาร, ถ่ายรูป และเก็บลายนิ้วมือ โดยอาจจะมีการสุ่มสัมภาษณ์ หลังจากนั้นจะใช้ระยะเวลาดำเนินการพิจารณาวีซ่าประมาณ 15 วันทำการ

* ขั้นตอนกรอกใบสมัครออนไลน์ น้องๆ ต้องมีความละเอียด และรอบคอบเป็นพิเศษ เพราะว่าหากกรอกข้อมูลผิดอาจจะมีผลให้เราถูกปฏิเสธวีซ่าได้ หากไม่แน่ใจน้องๆ สามารถให้เราช่วยดูและตรวจสอบความถูกต้องก่อนที่ยื่นได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *